กระแสใหม่ คนรักสุขภาพหันมาดื่ม ชาสมุนไพร เพื่อสุขภาพ

กระแสใหม่ คนรักสุขภาพหันมาดื่ม ชาสมุนไพร เพื่อสุขภาพ



ในยุคที่ผู้คนกำลังตื่นตัวหันมาดื่ม "ชาสมุนไพร" เพื่อสุขภาพกันมากขึ้น หลายคนมักอ้างข้อดีของการดื่มชา เช่น ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ ช่วยยับยั้งการแข็งตัวของหลอดเลือด ช่วยละลายไขมัน และลดคอเลสเตอรอล มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง จนทำให้ข้อเสียของชา โดยเฉพาะชาดำถูกมองข้ามไป ซึ่งจริงๆ แล้วการดื่มชามีทั้งข้อดีและข้อเสีย 
 
ดื่มชาทั้งที ต้องให้มีประโยชน์
 ข้อควรระวังในการดื่มชา
       สารกาเฟอีนใน ชา กาแฟ มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท และมีผลเสพติดอ่อนๆ เวลาไม่ได้ดื่มแล้วจะหงุดหงิด ร่างกายไม่ควรได้รับเกินวันละ 200 มิลลิกรัม ซึ่งเท่ากับกาแฟประมาณ 2 ถ้วย หรือชาประมาณ 4-5 ถ้วย
       เมื่อกาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายจะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วในกระเพาะ และลำไส้ แล้วกระจายไปตามอวัยวะต่างๆ เช่น สมอง หัวใจ ไต ตับ ปอด กล้ามเนื้อ และระบบประสาทส่วนกลาง ผลของกาเฟอีนอยู่ได้ 8-14 ชั่วโมง ร่างกายต้องใช้เวลากว่า 48 ชั่วโมงในการสลายคาเฟอีน ถ้าร่างกายได้รับคาเฟอีนปริมาณสูงประมาณ 3,000-10,000 มิลลิกรัม จะทำให้ตายในเวลาอันสั้นได้
       
 ใครบ้างที่ไม่ควรดื่มชา
       คาเฟอีนจะกระตุ้นประสาท ทำให้ไม่ง่วง ลดความสามารถ และระยะเวลาในการนอนหลับ คนที่มีปัญหานอนไม่ค่อยหลับ จึงไม่ควรดื่มชา นอกจากนี้น้ำชาใส่น้ำแข็งหรือน้ำชาแช่เย็น จะไปกระตุ้นลำไส้และกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ต้องตื่นกลางดึกเพื่อเข้าห้องน้ำ ทำให้เป็นปัญหาต่อการนอนยิ่งขึ้น และไม่ควรใช้วิธีแก้ง่วงด้วยการดื่มชา เพราะจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากขึ้นทันทีที่สารกระตุ้นหมดฤทธิ์ หากทำบ่อยๆ ร่างกายจะทรุดโทรมเร็ว
       กาเฟอีนทำให้หัวใจเต้นเร็ว หลอดเลือดหดตัว ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองและหัวใจไม่สม่ำเสมอ ความดันโลหิตสูงขึ้น ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ จึงไม่ควรดื่มชา
       ฤทธิ์ของกาเฟอีนยังไปเพิ่มการหลั่งกรดในกระเพาะ จึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคกระเพาะ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะและลำไส้ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการอย่างที่แพทย์จีนเรียกว่า "กระเพาะเย็น" ซึ่งมักจะมีอาการอึดอัด และอาเจียนออกมาเป็นน้ำใสๆ ไม่ควรดื่มน้ำชาเวลาท้องว่างตอนเช้า เพราะจะทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ หากอยากดื่มชาตอนเช้า ควรหาอะไรรองท้องก่อน
       นอกจากนี้ชายังไม่เหมาะกับผู้ป่วยไทรอยด์ เพราะอาการกระสับกระส่ายจะยิ่งถูกคาเฟอีนกระตุ้นให้รุนแรงขึ้น กาเฟอีนยังทำให้น้ำตาลในเลือดสูง จึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานด้วย 



ดื่มชาทั้งที ต้องให้มีประโยชน์


        ผู้ที่ไตทำงานบกพร่องหรือมีอาการไตวาย ก็ไม่ควรดื่มชามาก เพราะร่างกายไม่สามารถขับน้ำออกทางปัสสาวะได้ตามปกติ การดื่มชามากจะทำให้ไตทำงานหนักขึ้น
       
ดื่มชาอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด       
       ในใบชามีสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารที่ให้รสฝาด ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ดังนั้นน้ำชาที่เข้มข้นมากจึงทำให้ท้องผูกได้ ถ้าต้มหรือแช่ชานานๆ ก็จะยิ่งได้แทนนิน และยิ่งทำให้ชามีรสฝาด บางคนจึงดื่มชาใส่นมเพื่อให้รสดีขึ้น แต่ก็จะไม่ได้ประโยชน์จากชาอย่างเต็มที่
       
       แทนนินมีผลต่อแร่ธาตุในกระเพาะและลำไส้ เช่น เหล็ก ไอโอดีน ทองแดง แมงกานีส สังกะสี ซีลีเนียม โครเมียม เมื่อรวมตัวกับสารโปรตีนแล้วจะย่อยได้ยาก เด็กเล็กจึงไม่ควรดื่มชา เพราะร่างกายจะย่อยและดูดซึมอาหารได้ไม่เต็มที่ เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโต แทนนินเมื่อรวมตัวกับธาตุเหล็กจะจับตัวกลายเป็นก้อนแข็งเม็ดเล็กๆ ได้ง่าย และย่อยสลายได้น้อย หากดื่มชาติดต่อกันนานๆ อาจนำไปสู่การขาดธาตุเหล็กในเลือดได้
       
       การดื่มชาเข้มข้นหลังอาหารทันทีหรือใกล้เวลาอาหาร จึงทำให้กระเพาะลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้น้อยลง เวลาที่เหมาะสำหรับการดื่มชา คือหลังอาหาร 2-3 ชั่วโมง ตอนนี้คนนิยมดื่มชาเขียวกันมาก หากดื่มในปริมาณสูง ต้องระวังว่าจะลดการดูดซึมวิตามินบี 1 และธาตุเหล็ก
       
       ไม่ควรดื่มชาที่ชงทิ้งไว้นานหลายชั่วโมง เพราะน้ำชาอาจบูดได้ และสารต่างๆ ในน้ำชาจะทำปฏิกิริยากัน ทำให้เสื่อมคุณภาพลง และไม่ควรดื่มชาที่ร้อนจัด เพราะจะระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร อาจทำให้เกิดเซลล์มะเร็งได้
       
เรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับชา
       สตรีที่กินยาคุมกำเนิด ไม่ควรดื่มชาเข้มข้น โดยเฉพาะก่อนและหลังกินยาคุม 4 ชั่วโมง เพราะแทนนินจะทำให้สารต่างๆ ในยาคุมละลายตัวยากและถูกดูดซึมน้อยลง
       ระหว่างที่กินยาบำรุงโลหิต ก็ไม่ควรดื่มชา เพราะแทนนินจะทำปฏิกิริยากับธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นสารสำคัญในยาบำรุงโลหิต ทำให้ดูดซึมตัวยาได้น้อย ผู้ที่กินยาบำรุง เช่น โสม เขากวาง ก็ไม่ควรดื่มชา เพราะมันจะไปหักฤทธิ์กัน
       
       ไม่ควรดื่มชาขณะกินยา ทั้งยาฝรั่ง ยาจีน ยาไทย เพราะสารต่างๆ ในน้ำชาอาจทำปฏิกิริยากับยาที่กินเข้าไป เช่น ทำให้คุณสมบัติของยาเจือจางลง หรืออาจกลายเป็นพิษได้ หากอยากดื่มชาในยามป่วยไข้ ควรดื่มก่อนหรือหลังกินยา 2 ชั่วโมง และชงให้บางๆ เข้าไว้
       สตรีตั้งครรภ์ไม่ควรดื่มชา เพราะอาจเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์ แม่ลูกอ่อนที่ให้ลูกดื่มนมแม่ ก็ไม่ควรดื่มชา เพราะสารต่างๆ ในน้ำชาจะผ่านไปทางน้ำนมแม่ ทำให้ทารกขาดแร่ธาตุที่สำคัญได้ นอกจากนี้น้ำชายังทำให้ความสามารถในการขับน้ำนมของแม่ลดลงด้วย
       
       ผู้ที่มีไข้สูงก็ไม่ควรดื่มชา เพราะจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น จึงยิ่งทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นด้วย แทนนินยังทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาน้อยกว่าปกติ แทนที่ชาร้อนๆ จะช่วยลดอุณหภูมิ กลับยิ่งทำให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นไปอีก
       
       รู้อย่างนี้แล้ว จะดื่มชาทั้งที ต้องให้มีประโยชน์สูงสุดนะคะ

       
แหล่งที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

************************************************



Jamille Herbal Tea “ชาสมุนไพร” เพื่อสุขภาพ เหมาะสำหรับคนเป็นเบาหวาน-ความดัน ยิ่งดื่มยิ่งดีต่อสุขภาพ สามารถดื่มแทนน้ำเปล่าได้เลย ไม่มีผลต่อร่างกาย ไม่ทำให้นอนไม่หลับ ไม่ทำให้ท้องผูก เพราะไม่มีคาเฟอีน 

Jamille Herbal Tea เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่มีคุณภาพสุดยอดเครื่องดื่ม “ชาสมุนไพร” 100% ไม่เจือสี ไม่แต่งกลิ่น ซึ่งปัจจุบันเป็นชาสมุนไพรที่คนไทยนิยมดื่ม และบอกต่อมากที่สุด ที่คิดค้นจากภูมิปัญญาแพทย์แผนโบราณ และได้สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น มาจนถึงปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติเป็น “ชาสมุนไพร” ชั้นเลิศ รสชาติดี มีกลิ่นหอม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมาะสำหรับดื่มเองหรือเป็นของฝากให้กับคนที่คุณรัก

ประโยชน์จากดื่ม “ชาสมุนไพร” ซึ่งจากการทดลอง และทดสอบกับผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพ เบาหวาน และความดันโลหิต เมื่อดื่มเป็นประจำทำให้อาการดีขึ้น ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ดูอ่อนเยาว์ขึ้น ด้วยส่วนผสมของ “ชาสมุนไพร” มีหลายชนิด อาทิ เจี่ยวกู้หลาน, ชะเอมเทศ, เห็ดหลินจือ, ดอกคำฝอย และใบหม่อน


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม aui_butterfly หรือโทร 0863660842

ข้อมูลเพิ่มเติม http://didsocial.blogspot.com/

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม