ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง ค ล อ โ ร ฟิ ล ล์ ต ร า แ ม่ ฝ น สู ต ร เ ข้ ม ข้ น 100 %
หั ว เ ชื้ อ ค ล อ โ ร ฟิ
ล ล์ ต ร า แ ม่ ฝ น สู ต ร เ ข้ ม ข้ น 100 %
ต้นกำเนิดคลอโรฟิลล์มาจากอัลฟัลฟ่าสรรพคุณของอัลฟัลฟ่า
1.อัลฟัลฟ่ามีสารแคโรทีนและอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกาย
จึงเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งที่ต้องการฟื้นฟูเซลล์ที่ถูกทำลาย
ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ
และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
2.สารไฟโตเอสโตรเจนมีบทบาทสำคัญในการช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
โดยสารที่จัดเป็นสารประเภทไฟโตรเอสโตรเจนที่มีอยู่ในอัลฟัลฟ่าได้แก่ Isoflavones, Coumestans และสาร Lignans
แต่ในปัจจุบันยังไม่มีขนาดแนะนำในการรับประทาน
แต่อย่างไรก็ดีการเพิ่มการบริโภคอาหารที่สารดังกล่าวจะสามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งในร่างกายได้เป็นอย่างดี
3.สารซาโปนินมีรสขม
มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นให้เกิดความอยากอาหาร จึงช่วยทำให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น
3.1สารซาโปนินที่พบในอัลฟัลฟ่า
มีลักษณะเหมือนกันกับที่พบในรากโสม
ซึ่งมันมีสรรพคุณช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทและช่วยทำให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้อย่างเหมาะสมและเป็นปกติ
3.2อัลฟัลฟ่ามีเบตาแคโรทีนสูง
ซึ่งเป็นตัวช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันโรคของร่างกาย
ช่วยทำให้ผิวหนังและเยื่อบุผิวหนังมีสุขภาพดี
1. อัลฟัลฟ่าอุดมไปด้วยธาตุฟลูออไรด์และแคลเซียม
มันจึงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟันได้เป็นอย่างดี
2. ช่วยบำรุงเส้นผม ลดอาการผมร่วง
ทำให้ผมหงอกกลับดำขึ้น
3. ช่วยทำให้ผู้ที่เป็นโรคต้อกระจกมองเห็นได้ดีขึ้น
4. ช่วยลดความดันโลหิต ลดปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ
5. สรรพคุณอัลฟัลฟ่า ช่วยลดระดับน้ำตาลและปรับระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน
6. ในสหรัฐอเมริกาได้แนะนำให้ใช้อัลฟัลฟ่าในการรักษาภาวะโลหิตจาง
7. ช่วยสนับสนุนการจับตัวของเลือด
8. ช่วยกำจัดของเสีย ขับสารพิษออกจากร่างกาย
ขับสารพิษออกจากเลือดและอวัยวะภายใน ลดการตกค้างของของเสียตามผิวหนัง
ช่วยทำให้เลือดสะอาดและไหลเวียนได้ดีขึ้น
ส่งผลทำให้ผิวพรรณผ่องใสและสุขภาพที่ดีตามมา
มันจึงมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ชอบรับประทานเนื้อสัตว์
9. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเมล็ดเลือดแดง
ทำให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น
10. สารซาโปนินจะช่วยลดการอุดตันของเกล็ดเลือดในเส้นเลือดฝอย
ช่วยลดอัตราของการเกิดความจำเสื่อม และภาวะไขมันในเลือดสูงได้
ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงและโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
11. ช่วยส่งเสริมการดูดซึมของโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตของร่างกาย
12. อัลฟัลฟ่ามีส่วนช่วยฟื้นฟู
บรรเทาอาการของผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะติดสารเสพติดและติดแอลกอฮอล์ได้
13. ช่วยทำให้ผู้ที่เป็นภูมิแพ้มีอาการที่ดีขึ้น
14.วิตามินเคจากอัลฟัลฟ่า จะช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนได้
15.จากการศึกษาพบว่าสารซาโปนินและสารประกอบอื่นในอัลฟัลฟ่ามีความสามารถในการยึดติดในคอเลสเตอรอลกับเกลือน้ำดี
ช่วยป้องกันและชะลอการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากอาหาร
จึงช่วยทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดต่ำ ช่วยป้องกันการสะสมไขมันในหลอดเลือด
และช่วยควบคุมระดับความเข้มข้นของคอเลสเตอรอลให้เป็นปกติ
โดยในการศึกษาจากผู้ป่วยจำนวน 15 คน ที่ให้อัลฟัลฟ่าในขนาด 40 กรัม วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกัน 8 วัน พบว่าผู้ป่วยมีระดับคอเลสเตอรอลรวมและไขมันเลว (LDL) ลดลงประมาณ 17-18% ในขณะที่บางส่วนสามารถลดได้ถึง 26-30%
16. อัลฟัลฟ่ามีไฟเบอร์จากธรรมชาติอยู่สูงมาก และยังมีประโยชน์ในการช่วยฟื้นฟูภาวะลำไส้อ่อนแอ
ช่วยในการลำเลียงของเสียออกจากระบบได้เป็นอย่างดี จึงทำให้หลอดลำไส้มีสุขภาพที่ดี
17.ช่วยแก้อาการเบื่ออาหารและอาการดูดซึมอาหารได้ไม่ดี
18.แพทย์ชาวจีนได้มีการนำใบอัลฟัลฟ่าอ่อนเพื่อใช้ในการรักษาอาการย่อยไม่เป็นปกติ
เช่นเดียวกับแพทย์ชาวอินเดียที่ใช้ใบและดอกในการรักษากระบวนการย่อยที่ทำงานได้น้อย
(ใบ, ดอก)
19. มีแพทย์จำนวนมากที่ใช้อัลฟัลฟ่าเพื่อรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหาร
เช่น การมีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก มีอาการจุดเสียดเป็นประจำ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร
เป็นโรคเบื่ออาหาร เป็นต้น
และอัลฟัลฟ่ายังมีเอนไซม์ที่ช่วยทำให้การดูดซึมอาหารภายในร่างกายเป็นปกติ
มีสารที่ช่วยเคลือบผิวของกระเพาะอาหารให้มีความแข็งแรง
และยังพบว่าอัลฟัลฟ่าสามารถช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร
อาการปวดท้องเนื่องจากมีแก๊สมาก รักษาแผลในกระเพาะลำไส้ได้เป็นอย่างดี
20.อัลฟัลฟ่ามีคุณสมบัติที่ช่วยในการขับถ่ายและการปัสสาวะให้เป็นปกติ
ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก บรรเทาอาการของริดสีดวงทวาร
21.อัลฟัลฟ่ายังถูกนำมาใช้ในการรักษาอาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
ในกระเพาะปัสสาวะ ไต และต่อมลูกหมากที่ทำงานผิดปกติ
22.อัลฟัลฟ่างอกเป็นอาหารที่มีคุณค่าสูง
ช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวเนื่องจากภาวะการหมดประจำเดือนของสตรี (อัลฟัลฟ่างอก)
23.สาร Isoflavone
ในอัลฟัลฟ่าถูกจัดเป็นเอสโตรเจนธรรมชาติ (Phytooestrogen) ซึ่งในสตรีในช่วงใกล้หมดประจำเดือนจะมีระดับเอสโตรเจนต่ำลง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและเกิดภาวะกระดูกเสื่อม
และสารดังกล่าวจะเข้าไปช่วยชดเชยระดับเอสโตรเจนที่ต่ำลง
อีกทั้งยังช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยลดอาการผิดปกติในช่วงมีประจำเดือน
เช่น มีอาการหงุดหงิดง่าย มีอาการร้อนวูบวาบตามตัว เป็นต้น
24.ช่วยปรับสภาพของผู้หญิงวัยทอง ลดปัญหาอันเกิดเนื่องมาจากภาวะวัยทอง
25.อัลฟัลฟ่าถูกนำมาใช้ในประเทศจีนตั้งแต่ในช่วงศตวรรษที่ 6 โดยนำมาใช้เพื่อรักษาโรคไต
และเพื่อบรรเทาอาการตัวบวมอันเนื่องมาจากการกักเก็บน้ำในร่างกายที่มากเกินไป
26.ชาวอินเดียในอเมริกาเหนือได้แนะนำให้ใช้อัลฟัลฟ่าในการรักษาโรคดีซ่าน
27.มีการใช้อัลฟัลฟ่าเพื่อช่วยบำบัดโรคข้อต่ออักเสบ แก้อาการปวดข้อ
ข้อแข็ง และรูมาตอยด์ เนื่องจากอัลฟัลฟ่าจะช่วยปรับสมดุลของกรดด่างในร่างกาย
ช่วยป้องกันการสะสมตัวของกรดยูริกและกรดอื่น ๆ ตามข้อต่อต่างๆ ซึ่งจากหนังสือ Feel Like a Million ของแคทเทอรีน
เอลวูล ได้ระบุว่าเมื่อให้ผู้ป่วยรูมาตอยด์ใช้อัลฟัลฟ่าเพื่อรักษาอาการปวดตามข้อ
พบว่าผู้ป่วยสามารถงอมือได้สะดวกยิ่งขึ้นและอาการเจ็บปวดก็หายไป
28.ช่วยระงับอาการปวดในโรคข้ออักเสบและถุงน้ำต่าง ๆ
29.ช่วยลดแผลอักเสบ
30.ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
31.ช่วยทำให้อาการชา บวม และเส้นเลือดขอดบรรเทาลง
32.อัลฟัลฟ่ามีส่วนช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำนมของแม่ได้ดีมากขึ้น
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของอัลฟัลฟ่า
·
สารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ของต้นอัลฟัลฟ่ามีฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจนของเพศหญิง
จึงมีการนำมาใช้เป็นฮอร์โมนทดแทนในหญิงที่ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น
การนำมาใช้ในหญิงที่ได้ทำการผ่าตัดเอามดลูกออก เป็นต้น
·
สารในกลุ่มซาโปนินของต้นอัลฟัลฟ่ามีฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลด้วยการเพิ่มการนำคอเลสเตอรอลไปใช้ในการสร้างน้ำดีในตับ
และยังออกฤทธิ์ต้านการเกาะกลุ่มกันของเกล็ดเลือด
จึงช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดอันเนื่องมาจากไขมันได้
และสารซาโปนินยังสามารถช่วยฆ่าเชื้อราจำพวกแคนดิดา
โดยสารดังกล่าวจะไปจับกับเซลล์เมมเบรนของเชื้อรา และทำให้เชื้อราตาย
·
ธาตุแมงกานีสที่อยู่ในอัลฟัลฟ่าสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานได้
ประโยชน์ของอัลฟัลฟ่า
1. อัลฟัลฟ่างอก
จัดเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่นิยมนำมาใส่สลัด (มีกลิ่นคล้ายกับถั่วลันเตา)
เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อีกทั้งยังมีไฟโตเอสโตรเจน
ซึ่งช่วยป้องกันมะเร็งได้
2. ใบตากแห้งใช้ชงเป็นชาดื่มเพื่อสุขภาพ
3. อัลฟัลฟ่าเป็นพืชที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอย่างหลากหลายและครบถ้วน
มันจึงมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ
4. ต้นอัลฟัลฟ่ามีสารสำคัญอยู่หลายกลุ่ม
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น เช่น
สารในกลุ่มอโซฟลาโวนอยด์ (isoflavonoids) สารในกลุ่มซาโปนิน (Saponins)
สารในกลุ่มสเตียรอยด์ (Steroids) รวมไปถึงสารในองค์ประกอบอื่น
ๆ เช่น คาร์โบไอเดรต โปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ เกลือแร่ เอนไซม์หลัก 8 ชนิด และกรดอะมิโนจำเป็นทั้ง 8 ชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้
5. อัลฟัลฟ่าเป็นพืชที่อุดมไปด้วย Chlorophyll หากต้องการทราบว่ามันมีประโยชน์อย่างไร
คุณสามารถอ่านได้ที่บทความนี้ คลอโรฟิลล์
6. สารไฟโตเอสโตรเจนเป็นตัวช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย
การรับประทานอัลฟัลฟ่าจะช่วยทำให้ผู้ที่เป็นสิวง่าย มีปริมาณการเกิดสิวลดลง
ทำให้ผิวหน้าดูสะอาดขึ้น
7. อัลฟัลฟ่าอุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด
รวมไปถึงเกลือแร่และโปรตีน จึงนิยมนำมาใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต่าง ๆ เช่น
การนำมาใช้ผสมในครีมอาบน้ำ ในผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม เป็นต้น และยังพบว่ามีอยู่ในผลิตภัณฑ์ยาเม็ดสำเร็จรูป
หรือเป็นแบบต้นแห้งสำหรับชงน้ำร้อนดื่ม
8. ชาวอาหรับโบราณรู้จักนำอัลฟัลฟ่ามาใช้ประโยชน์มานานแล้ว
โดยใช้เป็นพืชเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงม้า
เพื่อช่วยเพิ่มความเร็วและเพิ่มความแข็งแรงให้กับม้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น